ตลาดอสังหาเริ่มมีคน “เช่า” มากกว่า “ซื้อ”
ค่านิยมการซื้ออสังหากำลังเปลี่ยนไป
การมีบ้านเป็นของตัวเองคือหนึ่งในความฝันที่ยิ่งใหญ่ของใครหลายๆคน ทุกคนที่ลำบากตรากตรำทำงานด้วยความยากลำบาก ยอมเสียทั้งหยาดเหงื่อและเวลาเพื่อให้ได้มาซึ่ง “บ้าน” อันเป็นความฝัน แต่ด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนไปการซื้อบ้านดูจะไม่ใช่เป้าหมาหลักของใครหลายๆคนไปเสียแล้ว เพราะแค่การดำเนินชีวิตให้รอดพ้นในแต่ละคืนวันก็เป็นสิ่งที่ยากเต็มกลืนมากพอแล้ว ยุคสมัยที่ข้าวยากหมากแพง ตลาดอสังหาที่เคยคึกกำลังสั่นคลอน มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ค่านิยมการซื้อบ้านของคนเปลี่ยนไป
การเปลี่ยนผ่านของช่วงอายุ
กลุ่ม Generation ที่เกิดในยุคสมัยที่แตกต่างกัน สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ทำให้ค่านิยมหรือความคิดในการใช้ชีวิตนั้นแตกต่างกัน หากนับกลุ่มวัยทำงานที่กำลังวางแผนซื้อบ้านตั้งแต่ Generation X ลงมา คนกลุ่มนี้ถูกเลี้ยงดูโดย Baby boomer ที่โตมาในยุคสมัยของการทำงานหนักและเชื่อว่างานคือทุกอย่าง การซื้อบ้านสักหลังในอดีตไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถ เพราะการทำงานในอดีตไม่ได้มีการแข่งขันเท่ากับปัจจุบัน แต่สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปรายได้ที่เติบโตไม่ทันเงินเฟ้อทำให้และอีกหลายปัจจัย ทำให้ Generation X, Generation Z และ Generation alpha ที่กำลังเติบโตมาในอนาคตเริ่มมองว่าการซื้อบ้านนั่นมีความเสี่ยงสูงและนำมาซึ่งภาระผูกพันธ์ แนวโน้มการซื้อบ้านก็ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องหากเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นหรือได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐที่มากพอ
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
นับตั้งแต่วิกฤตการณ์โรคระบาดฝันสยองที่ทำเอานักธุรกิจและผู้ประกอบการต่างบอบช้ำกันถ้วนหน้า ประกอบกับสงครามระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นอย่างกับดอกเห็ด สิ่งเหล่านี้กำลังทำให้ผู้คนเริ่มสังเกตเห็นความไม่แน่นอนชัดเจนเพิ่มมากขึ้น การที่จะตัดสินใจซื้ออะไรบางอย่างจึงต้องใช้ความรอบคอบเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เช่นเดียวกับ “อสังหาริมทรัพย์” ที่เป็นทรัพย์ราคาสูง การตัดสินใจซื้อจึงกลายเป็นเรื่องยากไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อน ดังนั้นในยุคสมัยที่มีแต่ความหวาดระแวงและความไม่แน่นอนจะทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัวกันต่อไป คงต้องรอวันที่แสงสว่างส่องมาถึง เพื่อเพิ่มความมั่นใจแก่ผู้คน และหวังว่าจะทำให้ตลาดอสังหาฯกลับมาคึกคักกันอีกครั้ง
การขอสินเชื่อที่ทำได้ยากขึ้น
การขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านปัจจุบันทำได้ยากขึ้นมาก เพราะด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนักในปัจจุบันทำให้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งต้องเผชิญหน้ากับ “หนี้เสีย” ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้การปล่อยสินเชื่อจะนำมาซึ่งความเสี่ยงของธนาคารที่อาจถูกผิดนัดชำระหนี้ เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับปี 40 หรือวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งฟองสบู่อสังหา การพิจารณาปล่อยสินเชื่อจึงต้องมีความเข้มงวดขึ้นอีกระดับ ทำให้ผู้คนที่กำลังวางแผนซื้อบ้านเริ่มหันไปทำการเช่าเพิ่มขึ้น เพราะสามารถเข้าอยู่ได้ทันทีอีกทั้งยังไม่มีภาระทางการเงินผูกพันธ์อีกด้วย
ความอิสระในการใช้ชีวิต
การมองหาที่พักอาศัยโดยการ “เช่า” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะไม่จำเป็นต้องมีเงินก้อนใหญ่ก็สามารถเข้าอยู่ได้ทันที สะดวกต่อการเดินทางเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางบ่อยๆ อีกทั้งยังตอบโจทย์สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นทำงานและกำลังมองหาตัวเลือกที่พักอาศัยที่ง่ายต่อการเคลื่อนย้าย นอกจากนี้การเช่าอสังหาริมทรัพย์ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายระยะยาวอย่างค่าซ่อมหรือภาษีอีกด้วย และสำหรับการเช่าอสังหาฯกับผู้ให้เช่าบางแห่ง ผู้เช่ายังได้รับการดูแลจากผู้ให้เช่าอีกด้วย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสิทธิพิเศษที่ผู้เช่าจะได้รับจากการเช่าอสังหา
ทิศทางตลาดอสังหาฯ
ต้องขอยอมรับเลยว่ากลุ่มผู้มีอำนาจซื้อจริงๆในตลาดอสังหาส่วนใหญ่เป็นนักลงทุน
มากกว่าผู้ที่ต้องการซื้อเพื่อการอยู่อาศัยจริงๆ การจะผลักดันตลาดอสังหาให้กลับมามีความคึกคักจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
ซึ่งก็ได้มีการสนับสนุนจากครม.ระดับนึงแล้วไม่ว่าจะเป็น การลดค่าโอน-ค่าจดจำนอง แต่ปัจจัยหลักยังคงเป็นภาคเศรษฐกิจและรายได้ต่อหัวของประชนในประเทศ
ถ้าหากภาพรวมของการเติบโตเศรษฐกิจสูงขึ้นแนวโน้มตลาดอสังหาฯก็มีแนวโน้มที่จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
บทสรุป
การที่ค่านิยมการซื้ออสังหาของผู้คนเริ่มหันมา “เช่า” มากกว่า “ซื้อ” เป็นสิ่งสะท้อนที่กำลังบอกเราว่าปัจจุบันอำนาจการซื้อของคนในประเทศกำลังลดลง ประกอบกับเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน การจะเป็นเจ้าของบ้านสักหลังเป็นเรื่องที่ยากขึ้นสำหรับใครหลายๆคน แต่อย่างไรก็ตามบ้านยังคงเป็นสิ่งที่ผู้คนต้องการอยู่เสมอ ถึงแม้ในบางครั้งตลาดจะซบเซาไปบ้าง แต่เราก็ต้องติดตามก็ต่อไปว่าในอนาคตตลาดอสังหาจะมีปัจจัยใหม่ๆอะไรบ้างเข้ามาสนับสนุน และทำให้ตลาดอสังหากลับมาคึกคักอีกครั้ง