วิธีขายให้ได้แบบ Jordan Belfort

 The Wolf of Wall Street ผลงานภาพยนตร์ขึ้นหิ้งที่ถูกดัดแปลงจากหนังสือชีวประวัติของ Jordan Belfort รับบทโดยลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ (Leonardo DiCaprio) เรื่องย่อของหนุ่มธุรกิจที่เริ่มต้นจากการเป็นนายหน้าค้าหุ้นและไต่เต้าไปสู่ความร่ำรวย ด้วยทักษะการขายและการโน้มน้าวจิตใจขั้นเทพ ภาพยนต์เรื่องนี้ได้มอบทั้งความมัน ความสนุก ความฮา และซีนดร่าม่ากันแบบครบรสเลยทีเดียว แต่เหนือสิ่งอื่นใดผลงานภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ทิ้งข้อคิดดีๆ และกุญแจสำคัญที่เรียกว่า “การขาย” พร้อมประโยคสุดฮิตอย่าง “Sell me this pen” ทิ้งทาย ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการขาย หากคุณอยากประสบความสำเร็จแบบ Jordan Belfort จงขายให้เป็น

ทัศนคติการขายของ Jordan Belfort

               Jordan Belfort มองว่าการขายคือ การถ่ายทอดความเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณมีไปสู่ลูกค้า และทำให้พวกเขาเชื่อมั่นเหมือนกับที่คุณเชื่อ ตอนที่ Jordan Belfort ได้เข้าไปทำงานให้บริษัทนายหน้าค้าหุ้นขนาดเล็ก เขาได้เสนอขายหุ้นเพนนี (Penny Stock) แก่นักลงทุน ซึ่งหุ้นเพนนีเป็นหุ้นราคาถูกความเสี่ยงสูง และไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือ การจะขายหุ้นเพนนีจึงเป็นเรื่องยาก

 

แต่ด้วยความสามารถด้านการขายที่น่าทึ่งของ Jordan Belfort เขาสามารถโน้มน้าวนักลงทุนให้ซื้อหุ้นเพนนีจนสำเร็จ ด้วยการถ่ายทอดความเชื่อมั่นไปสู่ผู้ซื้อได้แบบตรงจุดสุดๆ  โดย Jordan Belfort เผยเคล็ดลับของเขากับเพื่อนร่วมงานในบริษัทค้าหุ้นว่า ลูกค้าแต่ละคนต่างมี “เงื่อนไข” (Condition) ในการพิจารณาการซื้อที่แตกต่างกัน หน้าที่ของนักขายคือการเสนอวิธีการ (Solution) แก่ผู้ซื้อเพื่อบรรลุเงื่อนไขของผู้ซื้อแต่ละคน เพียงเท่านี้ก็สามารถโน้มน้าวจิตใจคนได้ง่ายๆแล้ว

การขายคือการมองหาโอกาส

               โอกาสทางธุรกิจมีอยู่เสมอ หน้าที่ของคุณคือต้องหามันให้เจอ Jordan Belfort เริ่มต้นค้าขายตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นการเสนอขายหนังสือพิมพ์แลกกับบริการกวาดหิมะ การขายไอครีมในชายหาดให้กับคนอาบแดดที่ไม่อยากลุกไปไหน Jordan Belfort มักจะมองหาโอกาสในการขายเสมอและลงมือทำทันทีเมื่อมีโอกาส ถ้าหากคุณอยากประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจหรือการลงทุน จงเรียนรู้ที่จะมองหาโอกาสเสมอเช่นเดียวกับที่ Jordan Belfort ทำ

เชื่อมั่นว่าคุณทำได้

               ก่อนจะส่งต่อความเชื่อมั่นให้ผู้อื่น คุณต้องเป็นผู้เชื่อมั่นเองเสียก่อน Jordan Belfort ได้กำไรมหาศาลจากการขายหุ้นขยะ โดยใช้วาทศิลป์ต้มตุ๋นนักลงทุนจนเนื้อเปื่อยพร้อมรับประทาน จอร์แดนเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นใจตัวเองที่สูงมาก ถึงขนาดที่นักลงทุนยังคล้อยตามในความเชื่อมั่นที่เขามี ถึงแม้จะเป็นการใช้ความสามารถในทางที่ผิด แต่นี่แหละคือกุญแจ (Key Success) ที่ทำให้จอร์แดนไต่เต้ามาสู่จุดสูงสุดได้

ประโยคทองคำ “sell me this pen”

               มีฉากหนึ่งในภาพยนต์ที่ Jordan Belfort นัดเพื่อนๆมาร่วมตัวที่ร้านอาหารเพื่อหารือเกี่ยวกับการทำกำไรให้บริษัท Stratton Oakmont จอร์แดนหยิบปากกาออกมาจากกระเป้าเสื้อและยื่นมันให้ Brad Bodnick เจ้าพ่อมาเฟียยาเสพติด พร้อมทดสอบให้เขาขายปากกาให้ดูหน่อย แบรดหันไปมองจอแดนแบบชิลๆ แล้วบอกจอร์แดนว่า “เซ็นชื่อใส่กระดาษให้หน่อยสิเพื่อน” จอร์แดนตอบกับมาว่าแต่ฉันไม่มีปากกา แบรดเลยบอกว่าแค่นั้นแหละเพื่อน การขายมันก็แค่ของกล้วยๆ สรุปง่ายๆคือการขายเป็นเรื่องของ Demand & Supply เมื่อสองสิ่งนี้มาเจอกันก็จะมีการซื้อขายเกิดขึ้น สรุปหน้าที่ของนักขายคือสร้างความต้องการให้ลูกค้า

เป็นนักลงทุนต้องรู้ทันนักขาย

               นักลงทุนทุกรายที่ตกเป็นเหยื่อของ  Jordan Belfort มักพลาดท่าให้กับคารมณ์ของเขา พวกเขามักจะถูกชักจูงด้วยข้อเสนอที่ดูล่อตาล่อใจ ผลตอบแทนที่มากเกินความเป็นจริง การนำเสนอข้อดีและแนวโน้มที่เป็นภาพฝันสวยหรู หากคุณรู้ทันสิ่งเหล่านี้ แม้มีคนแบบ Jordan Belfort มาต้มตุ๋น คุณก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อได้ง่ายๆแน่นอน

มีความซื่อสัตย์

               ถึงแม้ Jordan Belfort จะประสบความสำเร็จในการเป็นมหาเศรษฐี แต่ด้วยการใช้ความสามารถในทางที่ผิด ท้ายที่สุดเขาก็ได้ดื่มดำสำราญใจไปกับความสุขระยะสั้น และต้องลงเอยด้วยการโดน FBI จับตัวในที่สุด ดังนั้นการเริ่มธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตคือก้าวแรกที่จะนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จได้ในระยะยาว

บทสรุป

               The Wolf of Wall Street คือผลงานภาพยนต์ที่ควรรับชมสักครั้งในชีวิต เนื้อเรื่องภาพยนต์แสดงให้เราเห็นว่าการขายเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งมากกว่าการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการอย่างที่เราเข้าใจ

 

แต่การขายคือการส่งต่อความเชื่อมั่นจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่ง การมีทักษะด้านการขายจะช่วยสร้างความได้เปรียบในชีวิตของคุณในการทำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาต่อรอง การโน้มน้าวใจผู้คน อำนาจบารมีและความมั่งคั่งเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้

 

สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านที่อ่านบทความนี้จนจบประสบความสำเร็จทุกคน และหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนทุกท่านไม่มากก็น้อยนะครับ