ภัยไซเบอร์อันตรายที่ต้องระวัง

 

อาชญากรไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น

ในปีที่ผ่านมา อาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีความเสียหายร้ายแรงต่อองค์กรและประชาชนเป็นจำนวนมาก ข่าวที่เราเห็นทุกวันเป็นหลักฐานชัดเจน มีผู้คนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินผ่านมือถือ บางข่าวเกี่ยวกับข้อมูลขององค์กรรั่วไหลทำให้สูญเงินจำนวนมหาศาล เพียงในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติเผยว่า ความเสียหายจากอาชญากรรมไซเบอร์สูงถึง 65,715 ล้านบาท เฉลี่ยวันละ 80 ล้านบาท นับว่าเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก

 

จำนวนอาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สาเหตุหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนหลังโควิด-19 ผู้คนหันมาทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ และติดต่อสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ทำให้หลายคนละเลยภัยอันตรายจากเทคโนโลยีออนไลน์ ดังนั้น การรู้เท่าทันภัยคุกคามทางไซเบอร์จึงเป็นสิ่งจำเป็น ทุกคนควรเรียนรู้และอัปเดตข้อมูลอยู่เสมอ

 

รูปแบบการโจรกรรมข้อมูล

ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีหลายรูปแบบในภาคธุรกิจ หนึ่งในภัยที่พบเห็นบ่อยคือการรั่วไหลของข้อมูล (Data Breach) สาเหตุเกิดจากการโจมตีภายนอกหรือช่องโหว่ภายในระบบ ข้อมูลสำคัญของธุรกิจและข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าเสี่ยงถูกมิจฉาชีพนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม อีกหนึ่งปัญหาในดิจิทัลแพลตฟอร์ม คือมิจฉาชีพใช้โปรแกรมปลอมแปลงตัวตน เพื่อหลอกระบบในการรับโปรโมชั่นต่างๆ ข่าวนี้เตือนให้ผู้ธุรกิจระมัดระวังในการรักษาข้อมูลสำคัญอย่างเคร่งครัด

 

มิจฉาชีพมักใช้การฟิชชิ่งเพื่อหลอกล่อเหยื่อ เขาอาจส่งอีเมลหรือข้อความปลอม อ้างว่าเป็นองค์กรหรือสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ โดยจะมีลิงค์ให้คลิกเพื่อเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว อาจมีการหลอกให้ติดตั้งมัลแวร์ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายได้ มัลแวร์สามารถขโมยข้อมูลจากอุปกรณ์ หรือดูดเงินจากแอปฯ ธนาคาร ผู้คนหลายรายเคยตกเป็นเหยื่อวิธีการเหล่านี้มาก่อน


ตระหนักถึงอันตรายจากไซเบอร์เสมอ

สิ่งแรกที่ทำให้ทุกคนรู้ทันและป้องกันตัวเองจากภัยไซเบอร์ได้ คือ ตระหนักว่า ภัยไซเบอร์เกิดได้กับเราทุกคนตลอดเวลา ตั้งคำถามก่อนจะคลิกหรือแชร์สิ่งที่เราไม่ชัวร์ และตระหนักถึงข้อเท็จจริงตามคำย้ำเตือนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ว่า ไม่มีการลงทุนใดให้ผลตอบแทนเกินจริง หรือรับประกันผลตอบแทน จากนั้น จึงมาสร้างเกราะป้องกันภัยคุกคามจากมิจฉาชีพ

 

แนะนำการใช้กระบวนการเข้าสู่ระบบแบบหลายขั้นตอน (Multi-Factor Authentication) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ไม่ควรแชร์ข้อมูลส่วนตัวออนไลน์ หรือเข้าชมเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ควรคอยอัปเดตซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์และมือถือ นอกจากนี้ ควรเลือกใช้บริการผ่านแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย เพื่อป้องกันความเสี่ยงออนไลน์