สหรัฐอเมริกากีดกันจีนซื้อที่ดิน แต่ไทยเพิกเฉย

 

เกิดอะไรขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงนี้

การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์กลับมาเป็นประธานาธิบดีใหม่ แต่เกิดขึ้นทีละนิดตลอดเวลา ล่าสุด บิล เกตส์ ได้ซื้อที่ดินเพื่อการเกษตรจำนวน 275,000 เอเคอร์ (1,224 ตารางกิโลเมตร) ซึ่งประมาณ 70% ของขนาดกรุงเทพมหานคร

นักลงทุนจีนได้ซื้อที่ดินเกษตรในสหรัฐอเมริกาถึง 383,934 เอเคอร์ หรือประมาณ 1,562 ตร.กม. ขนาดเทียบเท่ากรุงเทพฯ การลงทุนนี้ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามจากจีนต่อสหรัฐอเมริกา ผ่านทางอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ จีนยังได้ซื้อที่ดินใกล้ฐานทัพของสหรัฐอีกด้วย


การรับมือของสหรัฐอเมริกา

สหรัฐอเมริกามีมาตรการควบคุมอสังหาริมทรัพย์ที่เข้มงวดมาก โดยเฉพาะการซื้อจากคนจีนและบริษัทจีน. ในขณะที่ประเทศไทยกลับไม่เรียนรู้จากข้อผิดพลาด. ปล่อยให้ชาวจีนซื้อที่ดินจำนวนมาก โครงการอสังหาริมทรัพย์พัฒนาในบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนนทบุรี มีการก่อสร้างต่อเนื่องแม้จะถูกสั่งหยุดแล้ว


เปรียบเทียบมาตรการรับมือการซื้อที่ดินต่างชาติไทย-อเมริกา

1.         ประเทศไทยเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประมาณ 1% ถึง 3% ของราคาประเมินราชการ ซึ่งใกล้เคียงกับราคาตลาด ขณะเดียวกัน ภาษีบ้านหลังแรกที่มีราคามากกว่า 50 ล้านบาท จะถูกเก็บตามราคาประเมินของทางราชการ หรือประมาณ 150 ล้านบาทตามราคาตลาด โดยเก็บเพียง 0.02% เท่านั้น

 

2.         ผู้ว่าชัชชาติซื้อบ้านในราคา 30 ล้านบาท แล้วขายต่อที่ราคา 70 ล้านบาท ทำให้มีกำไร 40 ล้านบาท เงินกำไรนี้ต้องเสียภาษี 20% หรือ 8 ล้านบาท แต่ในประเทศไทย ภาษีแทบไม่ถูกเก็บเลย เพราะมีการเก็บภาษีตามราคาประเมินราชการที่ต่ำมาก

 

3.         ในสหรัฐอเมริกามีการเก็บภาษีมรดก ขึ้นอยู่กับมลรัฐต่างๆ ในประเทศไทย การเก็บภาษีมรดกจะเกิดขึ้นเมื่อกองมรดกมีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท ตามราคาประเมินราชการ ซึ่งมูลค่าตลาดอาจอยู่ที่ประมาณ 300 ถึง 400 ล้านบาท หากผู้รับมรดกโอนมรดกปีละ 20 ล้านบาท จะไม่ต้องเสียภาษีมรดกเลย ในขณะที่ประเทศตะวันตก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน มีภาษีมรดกสูงมาก

 

4.         หลายประเทศยังมีการเก็บภาษีซื้อที่ดิน เช่น 10% ถึง 19% ในยุโรป 30% ในฮ่องกง และ 60% ในประเทศสิงคโปร์ สำหรับประเทศไทยไม่เก็บภาษีเหล่านี้ จะทำให้มีรายได้จากการซื้อที่ดินของชาวต่างชาติได้อย่างไร?


ความต้องการที่อยู่อาศัยของชาวจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ประชาชนจีนหลายคนรู้สึกอึดอัดในการใช้ชีวิตภายในประเทศของตนเอง เนื่องจากไม่สามารถมีกรรมสิทธิ์ที่ดินในมาตุภูมิของตนได้ พวกเขาสามารถเช่าที่ดินหรือเช่าอาคารชุดได้เพียงแค่ 70 ปีเท่านั้น แต่มีทางเลือกในการซื้อบ้าน ที่ดิน และอาคารชุดในประเทศไทย สหรัฐอเมริกา หรือแทบทั่วโลก


สหรัฐอเมริกามีมาตรการเข้มงวดในการควบคุมการซื้ออสังหาริมทรัพย์จากชาวจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการห้ามไม่ให้ชาวจีนซื้อที่ดินเพื่อการเกษตร มาตรการนี้เริ่มมีผลในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ประเทศไทยยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เพื่อป้องกัน ขณะนี้ที่ดินและภาคส่วนต่าง ๆ ในไทยตกอยู่ในมือของนายทุนจีนจำนวนมาก


ในหลายพื้นที่ คนจีนซื้อบ้านในหมู่บ้านจัดสรรแต่มีการเข้าไปอยู่น้อยมาก การซื้อบ้านดังกล่าวมักเป็นการเก็งกำไร สิ่งนี้อาจส่งผลต่อการเก็บค่าส่วนกลาง ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับการบำรุงพื้นที่ ทำให้หมู่บ้านหรืออาคารชุดดูเงียบเหงาผิดปกติ นอกจากสหรัฐอเมริกาแล้ว หลายประเทศในยุโรปก็เริ่ม “แบน” การซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคนจีนเช่นกัน เหตุผลคือเพราะพวกเขาไม่มาอยู่อาศัย


ความกังวลจากการมาของชาวจีน

หลายประเทศเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับจีนที่รุกยึดที่ดินของประเทศอื่นอย่างจริงจัง ขณะที่ในประเทศจีน กลับไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้อที่ดินได้เลย แม้จะเป็นเพียงนิดเดียว ก็ทำได้แค่เช่าที่ดินเท่านั้น

สหรัฐอเมริกาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในยุคทรัมป์ มีความพยายามอย่างมากในการป้องกันแผ่นดินและต่อต้านจีน ประเทศไทยควรตระหนักถึงภัยเงียบจากนักลงทุนจีน ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน