JLL ลงทุนซื้อขายโรงแรมในไทยมูลค่าเพิ่ม 300% ราวๆ 20,000 ล้านบาท

 


ภาพรวมธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย

ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นจุดหมายการลงทุนที่น่าสนใจทั้งจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ

เราภูมิใจที่ช่วยลูกค้าปิดการขายสำคัญนี้ได้สำเร็จ ประเทศไทยมีสถานะที่แข็งแกร่งขึ้นในตลาดการลงทุนด้านโรงแรม

การขายโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท เพิ่มการลงทุนในภาคธุรกิจโรงแรมของไทยอย่างต่อเนื่อง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา JLL นำเงินทุนจากในประเทศและต่างประเทศมาลงทุนในธุรกิจท่องเที่ยวคาดว่านี่คือแนวโน้มที่ดีในอนาคต

การซื้อขายในตลาดโรงแรมระดับห้าดาวของกรุงเทพฯ เกิดขึ้นได้น้อยมาก นี่คือปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ มีเจ้าของโรงแรมไม่กี่รายที่ต้องการขาย JLL พบว่า โรงแรมในทำเลดี เช่น ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท แทบจะไม่มีการเสนอขาย ราคามีการตั้งไว้สูงมาก นักลงทุนต้องการซื้อเพื่อการลงทุนระยะยาวและเชิงกลยุทธ์


การขยายโรงแรมครั้งประวัติศาสตร์ JLL

หัวหน้าหน่วยธุรกิจการขายโรงแรมภาคพื้นอินโดจีน และรองกรรมการผู้จัดการภาคพื้นเอเชีย กลุ่มธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมของ JLL กล่าวว่าการขายโรงแรมครั้งประวัติศาสตร์นี้ แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของ JLL ในการขายโรงแรมสำคัญๆ ในประเทศไทย ในปี 2567 JLL ได้ปิดการขายโรงแรมสำคัญหลายรายการ เช่น เดอะ ละไม สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา โรงแรมฮิลตัน การ์เด้น อินน์ ภูเก็ต และพอร์ตโฟลิโอเซอร์อพาร์ตเมนต์ 5 อาคาร มีห้องพักรวมกว่า 1,800 ห้อง ล่าสุดคือโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท JLL ยังคงมั่นใจในการลงทุนโรงแรมในประเทศไทย และคาดว่าจะมีการซื้อขายโรงแรมเพิ่มเติมในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเกาะสมุย ภายในสิ้นปีนี้


บทสรุป

นายปวินท์ เลิศปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชีย กลุ่มธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมของ JLL เปิดเผยว่า โรงแรมห้าดาวระดับไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท มีความต้องการสูงในหมู่นักลงทุน ขณะเดียวกัน การนำเสนอเป็นไปอย่างจำกัด การทำธุรกรรมนี้จึงมีความสำคัญต่อตลาด อีกทั้งยังเป็นการสร้างแรงกระตุ้นให้ตลาดการลงทุนโรงแรมในไทยที่กำลังร้อนแรงอยู่แล้ว โดยคาดว่าการลงทุนซื้อขายโรงแรมในปีนี้จะมีมูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 300% จากปี 2566