เอกชนเสนอปลด LTV กู้สถานการณ์อสังหา
ธนาคารแห่งประเทศไทยหารือแก้หนี้เสีย
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วง 3
ไตรมาสที่ผ่านมาได้รับผลกระทบอย่างหนัก การชะลอตัวทางเศรษฐกิจส่งผลให้ตลาดหดตัวอย่างรุนแรง
การควบคุมการปล่อยสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ก็เป็นปัจจัยสำคัญ
ขณะที่หนี้ครัวเรือนสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม
ในไตรมาสสุดท้ายมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ซึ่งอาจเป็นการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ในอนาคต
ความขัดแย้งด้านสินเชื่อ
ธนาคารพาณิชย์ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
แต่สถานการณ์การให้สินเชื่อไม่สอดคล้องกัน
รายงานระบุว่าธนาคารพาณิชย์ยังคงควบคุมการให้สินเชื่อบ้านอย่างเข้มงวด
มาตรการแรกที่ต้องเร่งดำเนินการคือการปรับลดเงื่อนไขการเข้าถึงสินเชื่อบ้าน
เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และลดอัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อ
ปีละครั้งมีมูลค่าการโอนบ้านหรือวงเงินสินเชื่อบ้านในระบบอยู่ที่ประมาณ 8
แสนล้านบาทถึง 1 ล้านล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนเป็นธนาคารรัฐ 20-30% และธนาคารพาณิชย์
70-80%
ผลกระทบการคุมเข้มสินเชื่อ
ผลกระทบจากการคุมเข้มการให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ชัดเจน
ตลาดมีแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
มีบทบาทสำคัญในการให้สินเชื่อบ้าน
วงเงินสินเชื่อรวมที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับแสนล้านบาท
ผลตอบรับจากประชาชนเป็นไปในทางบวก แสดงให้เห็นถึงความสนใจในวงเงินสินเชื่อบ้านที่สูงมาก
คำแนะนำจากสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย
อยากให้มีการผ่อนปรนมาตรการควบคุมสินเชื่อ (LTV) ที่กำหนดให้มีเงินดาวน์ 20-30% ในการขอสินเชื่อบ้านหลังที่ 2-3
อย่างน้อย 1 ปี เพื่อสนับสนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยให้เติบโต
และมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ นอกจากนี้
ยังต้องการเห็นแนวทางปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง
และผ่อนคลายมาตรการที่เป็นอุปสรรค เพื่อกระตุ้นตลาดอย่างยั่งยืนจนถึงปี 2568.
วางแผนมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้เสีย
สำหรับในวันที่ 1 พ.ย. กระทรวงการคลัง มีแผนหารือร่วมกับ สมาคมธนาคารไทย กับมาตรการอสังหาริมทรัพย์และอื่นๆ โดยจะมีการหารือทั้งแก้หนี้บ้านและหนี้เสียจากสินเชื่อรถกระบะ โดยมีแนวทาง ลดภาระดอกเบี้ย เช่น พักดอกเบี้ย หรือยกดอกเบี้ยมีเงื่อนไข รวมถึงมาตรการอื่นๆ เช่น การยืดอายุผ่อนบ้าน สำหรับบุคคลธรรมดา จนถึงอายุ 80 ปี และข้าราชการจนถึงอายุ 85 ปี
ทางด้านมาตรการอื่นๆ แอลทีวีนั้น ต้องขึ้นอยู่กับแบงก์ชาติ จะวางแนวทางผ่อนคลายอย่างไรต่อไป โดยที่ผ่านมากระทรวงการคลัง ได้วางแนวทางกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์มาตลอด ทั้งจัดทำสินเชื่อบ้าน แฮปปี้ โฮม วงเงิน 20,000 ล้านบาท ได้ปล่อยสินเชื่อเต็มแล้ว และ สินเชื่อ แฮปปี้ ไลฟ์ วงเงิน 18,000 ล้านบาท ที่ได้รับความสนใจสูงเช่นกัน
“ภาคอสังหาริมทรัพย์มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย
ในสัดส่วน 5% ของจีดีพี หรือมีมูลค่า 1.1 ล้านล้านบาท
โดยที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้วางมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์มาตลอด
ทำให้ตลาดมีการฟื้นตัว"