เฟรเซอร์สฯ สร้างมาตรฐานอสังหาฯชูกทม. เทียบเท่าระดับโลก
แชร์มุมมองจากผู้บริหารเฟรเซอร์ส
พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด
ปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส
พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ได้กล่าวในหัวข้อ "Sharing
the Sustainable Society from the Experience" ท่านได้นำเสนอประสบการณ์และแนวทางการสร้างสังคมที่ยั่งยืน
ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในปัจจุบัน
การสร้างความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วนจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เป็นบริษัทในเครือทีทีซี
ที่มีประสบการณ์การลงทุนมากว่า 40 ปี โครงการของบริษัทกระจายอยู่ใน 4 ทวีป และ 20
ประเทศ บริษัทลงทุนใน 130 เมือง
โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุด ประเทศไทยมีคะแนน SDGs SCORE อยู่ที่อันดับ 45 ของโลกในปี 2567 เฟรเซอร์สฯ
ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon
Neutrality) ในปี 2050
พัฒนาโครงการน่าอยู่ชูกรุงเทพเป็น
MEGA CITY
โครงการ Central Park ในซิดนีย์
ออสเตรเลีย มีมูลค่า 50,000 ล้านบาท
เป็นการพัฒนาแบบมิกซ์ยูสที่ได้รับการจัดอันดับ Green
Star 5 ดาว และการรับรอง LEED Platinum โครงการนี้ช่วยทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้น
และกลายเป็นแบบอย่างที่ดีในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย
เพื่อสร้างความยั่งยืนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายในการยกระดับกรุงเทพฯ
ให้กลายเป็น “MEGA CITY” โดยกรุงเทพฯ
มีสัดส่วนรายได้ 33% ของจีดีพี
เป็นเมืองที่มีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก
ความฝันเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จ
เรานำความคิดนี้มาพัฒนาเมืองกรุงเทพฯ มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค
และมุ่งสู่การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
14 ปี
แห่งการพัฒนา 7 โครงการโซนพระราม 4
ปณต
กล่าวว่าเขามั่นใจว่าเศรษฐกิจประเทศไทยจะเติบโตเป็นเซนเตอร์ของภูมิภาคอาเซียน
ในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา เฟรเซอร์สฯ ได้พัฒนา 7
โครงการในโซนพระราม 4
ซึ่งเป็นหัวใจของกรุงเทพฯ โดยอิงจากประสบการณ์กว่า 20 ปี
ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โครงการพื้นที่รวมกว่า 2,948,490 ตารางเมตร
ด้วยมูลค่าลงทุน 152,061 ล้านบาท
เพื่อรองรับดีมานด์จากลูกค้า และเสริมความแข็งแกร่งให้กันและกัน
ปณต กล่าวเพิ่มเติมว่า ศักยภาพของคอร์ริดอร์กลางเมืองมีการเติบโตที่ดี
ซึ่งคือวงแหวนสีน้ำเงิน หรือเส้นทาง MRT ที่ทำหน้าที่เป็น
Circle LINE ของกรุงเทพฯ
การเชื่อมต่อระหว่างฝั่งธนบุรีกับทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ
ถือเป็นจุดสำคัญในการพัฒนาเมืองต่อไป
ชูมาตรฐานตอบโจทย์ความยั่งยืน
การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งสำคัญในตอนนี้
การสร้างแนวคิดอสังหาริมทรัพย์ต้องตอบโจทย์ “มาตรฐานใหม่” กรุงเทพฯ
มีความพร้อมในการตั้งมาตรฐานที่ไม่แพ้ใครในระดับโลกกรุงเทพฯ
กำลังพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน
มาตรฐานที่ไม่เคยใช้มาก่อนถูกนำมาใช้ เช่น LEED for
Neighbourhood Development วัน แบงค็อก เป็นโครงการแรกที่ได้รับการรับรอง LEED Neighbourhood ระดับ Platinum การรับรองนี้แสดงถึงประสิทธิภาพสูงในการใช้พลังงานและน้ำ
รวมถึงการจัดการขยะ และคุณภาพอากาศภายในอาคาร นอกจากนี้
ยังรวมถึงผังเมืองและพื้นที่สีเขียวด้วย
กรุงเทพฯ
สามารถแข่งขันกับสิงคโปร์ได้
ปณต ระบุว่า อสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ
ปัจจุบันมีมูลค่าน้อยกว่าสิงคโปร์ถึง 10 เท่า แต่นรายได้ต่างกันเพียง 4 เท่า นี่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาที่สูง
หากรัฐส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานและสร้างกลไกสนับสนุนที่เหมาะสม
อสังหาริมทรัพย์ไทยสามารถเติบโตและแข่งขันในระดับสากลได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสร้างเมืองที่มีความยั่งยืนและปรับปรุงคุณภาพชีวิต
ในอดีต อสังหาริมทรัพย์ถูกสร้างจากผู้ลงทุนหรือเจ้าของ แต่วันนี้
เฟรเซอร์สฯ ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก (Customer-centric)
โดยไม่มองแค่มูลค่าเพิ่ม
แต่เน้นการออกแบบที่ต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ ยกตัวอย่างเช่น โครงการ วัน แบงค็อก
ซึ่งจะมีพื้นที่สีเขียวมากถึง 50% ของพื้นที่ทั้งหมด
บทสรุป
การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนต้องเริ่มที่การปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน
การสร้างพื้นที่สีเขียวและความหลากหลายทางชีวภาพเป็นสิ่งสำคัญ
สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดอุณหภูมิของเมือง และเพิ่มคุณภาพชีวิตในระยะยาว
เป้าหมายที่สำคัญคือการสร้าง “คุณภาพ” และ “ความยั่งยืน” ซึ่งควรเป็นหัวใจของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต