สำนักงานยุคใหม่ Hybrid Working พื้นที่เพิ่ม 30%

 

Hybrid Working รูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น

หลังโควิด-19 บริษัทต่างๆ ได้ปรับปรุงพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ของตนเอง และลดต้นทุนในการเช่าระยะยาว การสนับสนุนการทำงานแบบ Hybrid Working ที่ยืดหยุ่นจะช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวเข้ากับตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปได้ การผสมผสานการทำงานทั้งในสำนักงานและนอกสำนักงาน จะทำให้องค์กรสามารถปรับขนาดพื้นที่ทำงานได้ตามความจำเป็น


นโยบายองค์กร

บริษัทหรือองค์กรจำเป็นต้องกำหนดนโยบายที่ชัดเจน นอกจากนี้ ควรออกแบบสำนักงานเพื่อรองรับการทำงานแบบยืดหยุ่น การลงทุนในเครื่องมือสำหรับการทำงานร่วมกันในรูปแบบไฮบริดก็สำคัญ รวมถึงการสร้างพื้นที่ทำงานที่ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม การนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้ จะช่วยสร้างการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมการทำงานที่หลากหลายได้อย่างแน่นอน


ผลวิจัย CBRE ชี้การทำงาน Hybrid ในไทยเพิ่มขึ้น

นางสาวโชติกา ทั้งศิริทรัพย์ หัวหน้าแผนกวิจัยและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวถึงการทำงานแบบไฮบริดที่เพิ่มมากขึ้น โดยระบุว่า ตั้งแต่ปี 2564 การนำรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดมาใช้แพร่หลาย ทำให้การใช้พื้นที่สำนักงานร่วมกันเพิ่มขึ้น 30% สถานการณ์นี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงแนวทางการใช้พื้นที่สำนักงานของบริษัทต่าง ๆ ในปัจจุบัน ความต้องการพื้นที่สำนักงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนพนักงานเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับความต้องการทางธุรกิจ นโยบายของสถานที่ทำงาน และพฤติกรรมของพนักงานด้วย


การทำพื้นที่ของสำนักงานทั่วไป

การสำรวจของซีบีอาร์อีพบว่า องค์กรหลายแห่งมีอัตราการใช้พื้นที่สำนักงานสูงกว่า 100% อัตรานี้เกิดจากการมีพื้นที่ใช้ร่วมกัน ทำให้จำนวนพนักงานมากกว่าที่นั่งทำงานในสำนักงาน สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่การทำงานแบบไฮบริด อย่างไรก็ตาม อัตราการใช้พื้นที่ทั่วโลกยังต่ำกว่า 40% ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่า แม้ว่าจะมีการวางแผน การใช้พื้นที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพยังไม่ถึง 40%

อัตราการใช้พื้นที่ในระดับต่ำบ่งชี้ถึงความไม่สมดุลระหว่างอุปทานและความต้องการพื้นที่. พื้นที่ที่ไม่ได้ใช้งานกลายเป็นความกังวลสำคัญสำหรับผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ในองค์กร. หลายองค์กรเริ่มหันมานำโซลูชันการบริหารการใช้พื้นที่เข้ามาช่วย. การใช้โซลูชันในระดับสูงขึ้นมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในสถานที่ทำงานแบบไฮบริด


ตัวชี้วัดสำนักงาน

ล่าสุด มีการสำรวจจากซีบีอาร์อีเกี่ยวกับมาตรฐานสำนักงานในเอเชียแปซิฟิก ผลการสำรวจครอบคลุมอาคารเกือบ 1,000 แห่งและพื้นที่สำนักงานเกือบ 6 ล้านตารางเมตร จากข้อมูลพบแนวโน้มที่องค์กรสามารถใช้เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ด้านสถานที่ทำงาน โดยเฉพาะในรูปแบบทำงานแบบไฮบริด สามตัวชี้วัดหลักของสำนักงาน ได้แก่ อัตราการใช้พื้นที่ อัตราการครอบครองพื้นที่ และพื้นที่เฉลี่ยต่อคน ผลสำรวจชี้ว่า เอเชียแปซิฟิกมีสำนักงานที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก โดยมีประสิทธิภาพสูงขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในปี 2566 อัตราการครอบครองพื้นที่อยู่ที่ 125% อัตราการใช้พื้นที่อยู่ที่ 40% และตัวชี้วัดความหนาแน่นอยู่ที่ 12 ตารางเมตรต่อที่นั่ง และ 9 ตารางเมตรต่อคน